ฟอกสีฟัน
ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ ฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น ฟอกสีฟันที่บ้าน
ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ ฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น ฟอกสีฟันที่บ้าน
การฟอกสีฟัน เป็นการแก้ปัญหาฟันเปลี่ยนสีด้วยการใช้สารฟอกฟันขาวทางการแพทย์ทาลงบนฟันเพื่อกำจัดเม็ดสีในฟัน ซึ่งสารฟอกขาวจะเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้นเมื่อใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเป็นแสงชนิดต่างๆ ที่ปลอดภัย จึงทำให้คนไข้ที่เข้ารับการฟอกสีฟันใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงฟันจะขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เลือกคำถามที่คนไข้สงสัย
– ฟอกสีฟันที่ไหนดี
– ฟอกสีฟันครั้งแรกควรคำนึงถึงอะไรบ้าง
– ประเภทของการฟอกสีฟัน
– ขั้นตอนของการฟอกสีฟัน
– ราคาฟอกสีฟัน
– การปฏิบัติตัวหลังการฟอกสีฟัน
– ใครบ้างที่ควรฟอกสีฟัน
– ประโยชน์ของการฟอกสีฟัน
– ฟอกสีฟันอย่างไรให้ปลอดภัย
– คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน
– จองคิวฟอกสีฟันล่วงหน้า
ตัวเลือกในการทำฟันของคนไข้มีอยู่มากมาย เพราะในปัจจุบันคลินิกทางด้านทันตกรรมเปิดให้บริการอย่างทั่งถึง ซึ่งคลินิกของเราก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ซึ่งการฟอกสีฟันที่ไหนดี ควรพิจารณาในหลายๆ ปัจจัยดังนี้
ปัจจัยที่ 1
ทันตแพทย์ผู้ให้บริการของคลินิกเรามีประสบการณ์และมีความชำนาญ ในกรณีที่การรักษาจำเป็นต้องกระทำโดยแพทย์เฉพาะทาง คลินิกของเรามีทันตแพทย์เฉพาะทางรองรับทุกสาขา เพื่อให้ทุกกระบวกการการรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำที่สุด นอกจากนี้คนไข้ยังสามารถซักถามข้อสงสัยได้จากคุณหมอโดยตรง คุณหมอยินดีจะตอบทุกคำถาม หรือสามารถเข้ามารับการตรวจปัญหาสุขภาพช่องปากในเบื้องต้นได้
ปัจจัยที่ 2
คลินิกของเราอยู่ใจกลางเมืองสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดิน สะดวกสบายและไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหารถติด
ปัจจัยที่ 3
การบริการที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะความสะอาดของอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้บริการกับคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพลดการเจ็บปวดให้คนไข้ได้มากที่สุด
การฟอกสีฟันเป็นทันตกรรมเพื่อความสวยงามที่ไม่มีความเจ็บปวด หลังทำคนไข้อาจจะรู้สึกเสียวฟันเล็กน้อยแต่อาการจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ซึ่งผู้จะมาฟอกสีฟันครั้งแรกควรเลือกการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิก เพราะเป็นการฟอกสีฟันที่ปลอดภัยที่สุด มีทันตแพทย์ดูแลกระบวนการทำทุกครั้งตอน นอกจากนี้ก่อนที่คนไข้จะฟอกสีฟันได้ ต้องมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง ไม่มีโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุ หรือโรคทางช่องปากอื่นๆ
ฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิก
การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิกเป็นการฟอกสีฟันที่มีความปลอดภัยมาที่สุด โดยเป็นการฟอกสีฟันที่ใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงและยังใช้เครื่องมือในการกระตุ้นให้สารฟอกสีฟันทำปฏิกิริยากับฟันอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ใช้เวลาทำประมาณ 1-2 ชั่วโมง เมื่อฟอกสีฟันเสร็จสามารถเห็นผลได้ทันที โดยมีเครื่องมือที่ใช้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาอยู่ 2 ชนิด คนไข้สามารถอ่านข้อมูลโดยละเอียดได้ที่นี่
การฟอกฟันขาวด้วยระบบแสงเย็น
การฟอกสีฟันด้วยระบบเลเซอร์
ฟอกสีฟันที่นำกลับไปทำเองที่บ้านแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
เป็นหนึ่งการฟอกสีฟันที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องใช้เวลามากกว่าการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิก ซึ่งการฟอกสีฟันเองที่บ้านแต่อยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์จะต้องเริ่มมากไปทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลที่คลินิก ซึ่งจะเป็นถาดฟอกสีฟันที่พอดีกับช่องปากของคนไข้ โดยทันตแพทย์จะให้เจลฟอกสีฟันชนิดความเข้มข้นต่ำมาใช้ที่บ้าน คนไข้ต้องใส่ถาดฟอกสีฟันพร้อมด้วยเจลเป็นประจำก่อนนอน ติดต่อกันอย่างน้อย 1 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง เพราะด้วยเจลที่มีความเข้มข้นต่ำจึงทำให้ต้องใช้เวลานาน
ฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่คลินิกรวมกับการนำกลับไปทำเองที่บ้าน
ในกรณีที่คนไข้มีสีของฟันที่เหลือง คล้ำ หรือหมองมากๆ การฟอกสีฟันที่คลินิกโดยทันตแพทย์อย่างเดียวอาจจะได้ไม่ได้สีฟันที่ขาวเพียงพอ คนไข้สามารถทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคลแล้วนำกลับไปทำต่อเองที่บ้าน โดยทันตแพทย์จะให้เจลที่มีความเข้มข้นต่ำและแนะนำความถี่ในการใช้งานตามลักษณะสีของฟันแต่ละคน ซึ่งจะทำให้เห็นผลความขาวมากขึ้น
ฟอกสีฟันภายในตัวฟัน
เป็นการฟอกสีฟัน สำหรับฟันตายที่มีลักษณะสีดำ เทา ซึ่งฟันตายจะไม่สามารถฟอกสีฟันแบบปกติทั่วไปได้ ต้องฟอกสีฟันภายในตัวฟันเท่านั้น โดยฟันตายคือฟันที่ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นได้จาก ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุกระแทกรุนแรงหรือฟันที่ได้รับการรักษารากฟันมา วิธีการฟอกสีฟันภายในตัวฟันจะแตกต่างจากการฟอกสีฟันทั่วไป เพราะต้องมาพบทันตแพทย์หลายครั้ง โดยทันตแพทย์จะเรื่องมากกรอฟันด้านบนให้เป็นรูกลมๆ จากนั้นจะเทน้ำยาฟอกสีฟันเข้าไปด้านใน แล้วปิดด้วยวัสดุอุดฟันชั่วคราว จากนั้นรอ 1 สัปดาห์ ต้องกลับมาพบทันตแพทย์อีกครั้ง หากฟันยังไม่ขาวตามที่ต้องการ ทันตแพทย์จะนำน้ำยาเก่าออกแล้วใส่เข้าไปใหม่ จนกว่าจะได้ผลที่น่าพอใจ
การฟอกสีฟันเป็นทันตกรรมเพื่อความสวยงามที่ไม่เจ็บปวด แต่ก่อนฟอกสีฟันคนไข้ต้องไม่มีโรคทางทันตกรรม อาทิ ฟันผุ เหงือกอักเสบ ฟันแตก ฯลฯ ซึ่งหากพบว่ามีโรคทางทันตกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดจำเป็นต้องทำการรักษาให้หายเสียก่อน จากนั้นค่อยเริ่มขั้น
ตอนการฟอกสีฟันที่มีรายละเอียดดังนี้
1. ทันตแพทย์ทำการเปรียบเทียบสีฟันตั้งต้น เพื่อดูความแตกต่างหลังจากฟอกสีฟันเสร็จ
2. ทันตแพทย์ขัดผิวฟันเพื่อให้น้ำยาฟอกสีฟันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สัมผัสผิวฟันมากที่สุด
3. ปกป้องริมฝีปากด้วยปิโตรเลียมเจล เพราะหากริมฝีปากสัมผัสกับน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงอาจจะทำให้ผิวไหม้ได้
4. ใส่อุปกรณ์ถ่างริมฝีปาก เพื่อป้องกันริมฝีปากสัมผัสโดนน้ำยาฟอกสีฟัน หากคนไข้อ้าปากเองอาจจะเมื่อยได้ เพราะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที
5. ทันตแพทย์ทำการเป่าฟันและเหงือกให้แห้งสนิท แล้วป้องกันขอบเหงือกด้วยการทาเด็นทัลเรซิ่น จากนั้นใช้แสงบลูไลท์ทำให้เรซิ่นแข็งตัวและทำหน้าที่ปกป้องเหงือก
6. ทันตแพทย์ทำการทาน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงลงบนฟัน คนไข้ต้องนอนนิ่งและห้ามขยับฟันและปาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องกลืนน้ำลายเพราะผู้ช่วยทันตแพทย์จะให้เครื่องดูดน้ำลายออกจากปากให้ตลอด
7. เมื่อทาน้ำยาฟอกสีฟันเสร็จเรียบร้อยทันตแพทย์จะใช้เครื่องฉายแสงช่วยให้น้ำยาทำปฏิกิริยาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะใช้เวลาฉายแสงประมาณ 30 นาที ชึ้นอยู่กับชนิดของแสงที่ใช้ด้วย
8. ระหว่างที่ฉายแสงอยู่นั้น ทุกๆ 10 นาทีจะหยุดฉายแสงแล้วดูดน้ำยาตัวเก่าออก เป่าให้ฟันแห้ง จากนั้นทาน้ำยาฟอกสีฟันใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
9. เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทันตแพทย์จะทำการล้างน้ำยาฟอกสีฟัน แกะเรซิ่นที่ป้องกันเหงือกออกและทำความสะอาดฟันอย่างละเอียดอีกครั้ง
10. นำตัวอย่างก่อนฟอกสีฟันมาเปรียบเทียบเพื่อดูความขาวสะอาดขึ้นของฟัน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีฟันตั้งต้นและแสงที่ใช้ในการกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา
การฟอกสีฟันเป็นกระบวนการที่ทำให้ฟันขาวขึ้น ซึ่งมีทั้งแบบที่ทันตแพทย์ทำให้ที่คลินิกและคนไข้นำกลับไปทำเองที่บ้าน โดยราคาฟอกสีฟันจะขึ้นอยู่กับประเภท รวมทั้งแสงที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาด้วย โดยการฟอกสีฟันมีราคาดังนี้
ฟอกฟันขาว | ราคา |
|
6,800 |
|
4,500 |
|
2,900 |
|
1,200 |
การดูแลช่องปากหลังการฟอกสีฟันตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะช่วยให้ฟันที่ขาวอยู่ได้นานขึ้น โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารและการทำความสะอาดช่องปากในช่วย 48 ชั่วโมงหลังการฟอกสีฟันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะใน 48 ชั่วโมงหลังการฟอกสีฟัน ฟันจะยังคงไงต่อสีของอาหาร ดังนั้นคนไข้ควรปฏิบัติตัวดังนี้
1. ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฟอกสีฟัน ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น น้ำอัดลม, ไวน์แดง, กาแฟ, เป็นต้น ควรดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น
2. ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฟอกสีฟัน ห้ามรับประทานอาหารที่มีสีจัดและรสจัด เช่น แกงที่มีส่วนผสมของขมิ้น, หมูสะเต๊ะ, แกงเหลือง ฯลฯ
3. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะบุหรี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันหมองคล้ำ
4. หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อน เย็น หรือมีความเป็นกรดสูง เพราะจะทำให้มีอาการเสียวฟัน
5. หากมีอาการเสียวฟัน ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟันและสามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อลดอาการเสียวฟันได้ ซึ่งปกติแล้วอาการเสียวฟันอาจเกิดขึ้นได้แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
6. ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อยืดอายุความขาวของฟันหลังฟอกสีฟันเอาไว้ได้นานที่สุด
แม้จะเป็นงานทันตกรรมเพื่อความสวยงาม แต่หลายๆ คนก็ไม่สามารถฟอกสีฟันได้ โดยคนที่ควรจะฟอกสีฟันควรมีลักษณะดังนี้
1. มีปัญหาสีของฟันและอยากให้ฟันขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ควรมีอายุ 14 ปีขึ้นไป
3. หากยังจัดฟันอยู่จะยังไม่สามารถฟอกสีฟันได้
4. หากมีปัญหาสุขภาพช่องปาก อาทิ ฟันผุ ฟันแตก เหงือกอักเสบ เสียวฟัน ฯลฯ จะไม่สามารถฟอกสีฟันได้ ต้องรักษาอาการต่างๆ ให้หายก่อน
5. ผู้ที่มีอายุมากขึ้นแล้วฟันเหลืองตามธรรมชาติ
วิธีฟอกสีฟันที่ปลอดภัยที่สุดคือการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิก เพราะทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ ซึ่งน้ำยาฟอกสีฟันได้รับการวิจัยมาแล้วว่ามีความปลอดภัยและช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้จริง แม้ว่าในอดีตการฟอกสีฟันจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันเป็นอย่างมา แต่ในปัจจุบันเจอฟอกสีฟันได้ถูกพัฒนาและลดภาวะเสียวฟันได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะมีอาการเพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีการฟอกสีฟันที่คนไข้ไปซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้เองที่บ้านโดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ ซึ่งอาจมีอันตรายหากน้ำยาฟอกสีฟันมีความเข้มข้นมากเกินไป ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำเท่านั้น
ตามธรรมชาติของฟันจะไม่ได้มีสีขาวสมบูรณ์แบบ แต่การใช้งานฟันบดเคี้ยวอาหารทุกวันสีของอาหารย่อมติดที่ผิวฟันและยิ่งอายุมากขึ้น ฟันก็จะยิ่งเหลืองขึ้นตามธรรมชาติ การฟอกสีฟัน จึงมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ดังนี้
1. ช่วยให้ฟันขาวขึ้น โดยเฉพาะการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ในคลินิก ซึ่งช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
2. ช่วยให้คนไข้ยิ้มได้อย่างมั่นใจ เพราะมีฟันที่ขาวสดใส เสริมสร้างบุคลิกที่ดีและกล้าพูดกล้ายิ้มมากขึ้น
3. การฟอกสีฟันก็เหมือนการได้ทำความสะอาดฟันอย่างทั่วถึงทุกซอก ซึ่งก่อนฟอกสีฟันคนไข้ต้องมีสุขภาพช่องปากที่ดี ไม่มีโรคทางช่องปาก ทำให้การฟอกสีฟันเหมือนเป็นการตรวจสุขภาพช่องปากของเราด้วย
4. การฟอกสีฟันเป็นการทาน้ำยาฟอกสีฟันลงบนตัวฟัน ไม่ได้ส่งผลต่อโครงสร้างของฟัน ไม่ได้กรอ หรือทำให้คนไข้สูญเสียเนื้อฟัน
– ครอบฟันอยู่ฟอกสีฟันได้หรือไม่ ?
การฟอกสีฟันจะสามารถทำได้ในฟันธรรมชาติเท่านั้น หากเป็นฟันที่ครอบอยู่ หรือเป็นฟันปลอม จะไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีฟันได้
– ตั้งครรภ์อยู่สามารถฟอกสีฟันได้หรือ ?
แม้จะยังไม่มีรายงานผลข้างเคียง แต่ในกรณีที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรอยู่จะไม่สามารถเข้ารับการฟอกสีฟันได้
– ถ้าฟอกสีฟันแล้วจะขาวได้นานแค่ไหน ?
ปัจจัยที่จะทำให้ฟันเปลี่ยนสีขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากของคนไข้เอง แต่โดยปกติแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี ซึ่งอาจมากกว่านั้นหากคนไข้รักษาความสะอาดช่องปากอย่างถูกต้อง